ราคา Mobile Phone  ราคา Mobile Phone  ราคา Mobile Phone

มีราคา ดอทคอม ราคา ดูราคา ค้นหา ราคาถูก

ราคา ค้นหา ค้นหาร้าน ราคาถูก

   ราคา Mobile Phone
Nokia   BlackBerry   Apple   Oppo   Motorola   Samsung   Sony Ericsson   LG   i-mobile   GNET   Wellcom   HTC   
ราคา Mobile Phone Mobile Phone
[ 798 ร้านค้า ]
ราคา คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์
[ 216 ร้านค้า ]
"> ราคา เครื่องสำอาง<script async src=" width="38" height="40" border="0" /> ">เครื่องสำอาง
"> [ 456 ร้านค้า ]
ราคา สินค้าทั่วไป สินค้าทั่วไป
[ 2269 ร้านค้า ]
ราคา แฟชั่น แฟชั่น
[ 712 ร้านค้า ]
"> ราคา คอนโดมิเนียม<script async src=" width="38" height="40" border="0" /> ">คอนโดมิเนียม
"> [ 30 ร้านค้า ]




ราคามือถือมาบุญครอง mbk มือถือราคาถูก เปรียบเทียบราคามือถือ mbk

เช่า wifi ญี่ปุ่น เช่า wifi ญี่ปุ่น รับเครื่องได้ที่ไทย ใช้งานได้ที่ญี่ปุ่น ส่งเครื่องกลับคืนในไทย
 



เลือกหมวดสินค้าที่ต้องการค้นหา


เครือข่ายมือถือ

AIS
1175

1175

1175

1175

0-2502-5000

1678

1678

1128

1331

1777

0-2900-9000

PCT
0-2900-9000


ตรวจสอบยอดเงินมือถือ

*911

900121

1811

*1001

#123#

91111


เบอร์ศูนย์บริการทั้งหมด

0-2255-2111

0-2248-3030

0-2689-3232

0-2351-8666

0-2722-1118

0-2351-8666

0-2975 – 5555

0-2641 5159-60

0-2363-4355

HTC
0-2640-3399

081-122-5766

1175 ?? 8

082-000-3333

TWZ
0-2953-9400

0-2308-1010

LG
0-2204-1888





แพคเกจร้านค้าออนไลน์


เช็คราคาMobile Phone CHECK PRICE | ค้นหาราคาMobile Phone เช็คราคาMobile Phoneวันนี้

Nokia   BlackBerry   Apple   Oppo   Motorola   Samsung   Sony Ericsson   LG   i-mobile   GNET   Wellcom   HTC   
เยี่ยมอุบลฯ-ยลจำปาสัก

 

อุบลฯ

 

เยี่ยมอุบลฯ-ยลจำปาสัก (กรุงเทพธุรกิจ)

โดย  ชาธิป

          อุบลราชธานี เมืองที่แม่น้ำโขง ชี มูล ไหลมาบรรจบ เป็นชุมชนเก่าแก่ ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมายาวนาน


 

 

ก่อนจะได้รับการสถาปนาเป็นเมือง ในราชอาณาจักรไทยเมื่อกว่า 200 ปีที่ผ่านมา ด้วยที่ตั้งที่เหมาะสม ทำให้เมืองอุบลราชธานีเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และคับคั่งด้วยมรดกทางวัฒนธรรม ปัจจุบันเมืองอุบลราชธานีกลายเป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคม การค้า และการท่องเที่ยวของภาคอิสานตอนล่าง

          นับว่าโชคดีที่เราไปเยือนเมืองอุบลฯ ในช่วงเวลาของการทำและแห่เทียนพรรษาใน "งานประเพณีเทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2552" ซึ่งมีความเป็นมานับย้อนไปได้อย่างน้อยก็ถึงปี พ.ศ.2470 ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าเป็นช่วงที่ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้ทำต้นเทียนกันอย่างจริงจัง ต่อมาราวปี พ.ศ.2495 ได้มีการฟื้นฟูศิลปะการทำต้นเทียน และเทศกาลแห่เทียนพรรษาของจังหวัด โดยมีการประกวดเทียนพรรษา 2 ประเภท คือ ประเภทมัดรวมติดลาย และประเภทติดพิมพ์

 

 

ราว พ.ศ.2502 มีการทำเทียนพรรษาด้วยการแกะสลักบนต้นเทียนโดยตรง ทำให้ในปีต่อๆ มามีการจัดประกวดต้นเทียนเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทมัดรวมติดลาย ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก จากนั้นมาประเพณีการประดิษฐ์และจัดขบวนแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในขบวนแห่จะมีการฟ้อนรำ โห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน และหลังจากที่ได้แห่เทียนไปรอบเมืองแล้ว จึงนำต้นเทียนพรรษาไปถวายตามคุ้มวัดต่างๆ

           การจัดสร้างขบวนแห่เทียนพรรษาเยี่ยงนี้ นับว่าต้องอาศัยทั้งทุน ฝีมือ และที่สำคัญคือความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ผลงานที่ออกมานอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ยังสามารถสะท้อนถึงเหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานั้นๆ ได้อีกด้วย ที่พิเศษคือมีการเชิญศิลปินจากต่างประเทศมาร่วมสร้างผลงานศิลปะโดยใช้เทียน กลายเป็น "งานแสดงเทียนประติมากรรมเทียนนานาชาติ" ซึ่งในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 4 แล้ว

           จากเรื่องประเพณีเราหันมาเริ่มรายการเที่ยวธรรมชาติ ด้วยการเดินทางไปที่ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ เพื่อชมความสวยงามของแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมองเห็นแก่งขนาดใหญ่กลางลำน้ำในช่วงฤดูแล้ง

           เที่ยวนี้เราได้พี่ชายเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใจดี พาเดินท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ตามเส้นทางมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ ถ้ำหมาใน ถ้ำพระ ซึ่งเคยมีการพบหลักฐานทางโบราณคดีใอารยธรรมขอม และในถ้ำก็จะมีชาวบ้านเอาไม้มาค้ำเพดานถ้ำไว้ เป็นสัญลักษณ์ของการค้ำ หรือทำนุบำรุงทั้งธรรมชาติและพระพุทธศาสนา

           แต่ที่พี่ป่าไม้ดูจะภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษคงต้องยกให้ น้ำตกรากไทร พูดถึงน้ำตกอาจจะนึกถึงน้ำไหลโครมคราม แต่น้ำตกรากไทรที่นี่เก๋ไก๋ด้วยสายน้ำน้อยๆ นับพันนับหมื่นที่ไหลลงตามรากไทรจากหน้าผาลงพื้น

           ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็ควรจะแวะไปเยี่ยม อุทยานแห่งชาติผาแต้มเสียด้วย ชมภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 3 พันปี ราว 300 ภาพ ที่เรียงรายติดต่อกันอยู่บนผนังหน้าผายาวถึง 170 เมตร รวมทั้งชมจุดชมวิวแม่น้ำโขง และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจุดแรกของประเทศไทย

           อีกอย่างที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเยือน คือการไปชม น้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม น้ำตกลงรูเกิดจากธารน้ำวนบนลานหินทราย ก่อเกิด หลุมกุมภลักษณ์ (Pot Hole) ทำให้เพดานถ้ำทะลุจนน้ำไหลลอดลงมาคล้ายแสงของพระจันทร์ บ้างก็ว่าจะให้ดีต้องมาเห็นตอนคืนเดือนเพ็ญ มองลอดรูน้ำตกขึ้นไป ก็จะเจอกับพระจันทร์ดวงกลมโต อะไรจะโรแมนติกได้ขนาดนั้น

           จากน้ำตกแสงจันทร์ เราเดินทางต่อไปที่ หาดสลึง บ้านสองคอน จากท่าเรือหาดสลึงเราชวนกันลงเรือหางยาวล่องชมทิวทัศน์และแหล่งท่องเที่ยว ริมแม่น้ำโขง อาทิเช่น ปากบ้อง หรือส่วนที่แคบสุดของน้ำโขงในประเทศไทย มีความกว้าง 56 เมตร และ หาดหงส์ ซึ่งเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ริมน้ำโขง 

           พอเย็นย่ำตะวันรอน เราก็เดินทางถึงที่หมายสุดท้ายของวันที่พลาดไม่ได้ คือการสัมผัสความงดงามทางธรรมชาติที่ สามพันโบก แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของจังหวัดอุบลราชธานี เราโชคดี (อีกแล้ว) มีโอกาสได้พบกับ เรืองประทิน เขียวสด คุณครูโรงเรียนบ้านสองคอน ผู้ค้นพบและบุกเบิก สามพันโบก แห่งนี้

           อาจารย์เรือง อธิบายว่า คำว่า "โบก" เป็นภาษาอีสาน ที่ใช้เรียกขานลักษณะของรูที่ถูกกัดเซาะลงไปในพื้นหินจนเป็นแอ่ง ซึ่งจะปรากฏให้เห็นตามเกาะแก่งในลำน้ำต่างๆ หลุมรูเหล่านี้เองที่ทำให้เกิด "น้ำวน" ซึ่งจะพบเห็นได้ทั่วไปในลำแม่น้ำโขงช่วงนี้

           อาจารย์เรืองเล่าว่า ชื่อเสียงของสามพันโบกเริ่มจากกลุ่มนักถ่ายภาพที่เดินทางเข้ามาเก็บความงาม ก่อนจะเริ่มมีการนำภาพไปโพสต์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ก่อนจะมาโด่งดังขึ้นไปอีกเมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยใช้สามพันโบกเป็น สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาที่มี "พี่เบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย์ แสดงนำ

           เที่ยวสามพันโบกถ้าจะให้ดีต้องช่วงที่น้ำน้อย คือตั้งแต่ประมาณวันที่ 10 ธันวาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เพราะจะเห็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาให้ได้ชมความงามกัน บางช่วงเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำให้เดินติดต่อกันได้หลายกิโลเมตร หรือจะมาเยี่ยมสามพันโบกในคืนเดือนหงายก็จะได้เห็นแสงเดือนสาดไล้ไปตามหลุม ร่องบนเกาะแก่ง...ก็งามไปอีกแบบ แต่แนะนำว่าอย่ามาช่วงสงกรานต์เป็นดี เพราะแทนที่จะได้ชมธรรมชาติจะได้ชมสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า...คน... คน...คน...และคน เต็มไปหมด

           ที่นี่นอกจากความสวยงามของหินรูปร่างต่างๆ รวมถึงหาดทรายที่สวยงามเช่นหาดหงส์และถ้ำพญานาคแล้ว ที่นี่ยังมีสระน้ำกลางแผ่นหินที่กว้างใหญ่ มีน้ำใสสะอาดขังตลอดปี เรียกกันว่า สระมรกต หรือ "บุ่งน้ำใส" จากการส่งตัวแทนกระโดดลงไปทดสอบความเย็นของน้ำได้ผลว่า...ใช้ได้

           เรือของเราแวะขึ้นเยี่ยมเกาะกลางน้ำย่อมๆ ที่นอกจากสภาพพื้นผิวที่เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนโลกพระจันทร์แล้ว ความงามของสีสันที่แปรเปลี่ยนบนฟ้ายามเย็นสะกดให้เราต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ จนตะวันลับฟ้า โดยเฉพาะบรรดานักถ่ายภาพที่มาด้วยกัน กว่าจะยอมเก็บกล้องขนของกลับได้ก็พระจันทร์เกือบจะตรงหัวแล้วนั่นละ

 


 


 

 

  เช้าวันถัดมา ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เราออกเดินทางไปยังด่านช่องเม็ก ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร เดินทางสู่เมืองปากเซ  เมืองสำคัญของแขวงจำปาสัก ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เราออกเดินทางไปลงเรือ ณ ท่าเรือบ้านนากระสัง ล่องเรือสู่เกาะดอนคอน ข้ามสะพานไปยังเกาะดอนเดช เพื่อไปชม น้ำตกหลี่ผี มหาน้ำตกแห่งมหานทีสี่พันดอน

           ชื่อหลี่ผี ฟังดูอาจจะน่ากลัวไปหน่อย คำว่า "หลี่" เป็นภาษาลาว หมายถึงเครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งทำจากไม้ไผ่ ใช้วางขวางลำน้ำ เมื่อปลาว่ายหรือโจนเข้าในหลี่แล้วก็จะติดออกมาไม่ได้ ส่วนคำว่า ผี หมายถึง ศพคนตาย ชื่อหลี่ผีได้มาจากการพบศพทหารลอยมาติดเป็นจำนวนมากในสมัยสงครามอินโดจีน

           สัมผัสแรกของการเที่ยวน้ำตกหลี่ผีคือความกว้าง ใหญ่ และกระแสน้ำที่ไหลแรงส่งเสียงครืนๆ ดูมาดูไปเหมือนทะเลมากกว่าน้ำตก เที่ยวที่นี่ต้องเตือนกันไว้ก่อนว่าถ้าเป็นช่วงน้ำหลากแรง หรือจุดที่มีป้ายเตือนห้ามลงเล่นน้ำ แปลว่า "ห้ามจริงๆ" เพราะมีผู้กล้าเอาชีวิตมาทิ้งกันบ่อยๆ

           อีกหนึ่งน้ำตกที่ได้ไปเยือนคือ น้ำตกคอนพะเพ็ง เจ้าของฉายา "ไข่มุกแม่น้ำของ" เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่างก่อนจะไหลลงสู่ประเทศ กัมพูชา เป็นอีกที่ที่ลืมภาพน้ำตกไหลเอื่อยๆ แบบบ้านเราไปได้เลย เพราะแม้ว่าชั้นของหินจะไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำจำนวนมหาศาลหลายสายไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหินราวกับจะ ถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราดสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนัก ท่องเที่ยวจนได้รับขนานนามว่าเป็น "ไนแองการาแห่งเอเชีย"

           เสียดายเรามีเวลาอยู่ที่จำปาสักน้อยไปหน่อย จะให้ดีถ้าไปถึงจำปาสักควรหาเวลาไปเที่ยวน้ำตกผาส้วมและน้ำตกตาดฟานเสียด้วย ให้ครบสูตรการเที่ยวน้ำตก เพราะแต่ละที่ก็มีดีที่ความงามแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน

           เช้าวันต่อมา เราออกเดินทางไปสู่เขตเมืองเก่าจำป่าสัก ที่ตั้งของ วัดพู ศาสนสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาวที่มี ความเก่าแก่กว่า 1,600 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาภู ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาสักประมาณ 6 กิโลเมตร

           จากจุดจอดรถเราต้องเดินต่อไปตามทางเดินโบราณ เพื่อขึ้นสู่วัดพู ท่าม กลางแดดร้อนเปรี้ยง ทำเอาหลายๆ คนคิดถึงเสื้อแขนยาวขึ้นมาทันที เสียเหงื่อสังเวยเทพเจ้ากันถ้วนหน้า ความโดดเด่นของวัดพูอยู่ที่ตัวปราสาทที่สร้างบนภูเขา มีการแกะลวดลายสลักเป็นนางอัปสรและทวารบาลตามแบบปราสาทขอม

           ในอดีตที่ตั้งของวัดพูเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแหล่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกันคือ อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6-8 ถัดมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดู ให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาท

           มาถึงนี่คนนำทางบอกว่า ต้องไม่พลาดไปชมภาพสลักตรีมูรติ ขนาดเกือบเท่าคนจริง ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าทั้ง 3 องค์ผู้เป็นใหญ่สูงสุดในศาสนาฮินดูได้แก่ พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม และชมหินแกะสลักรูปหัวช้างเชื่อว่าเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายสมัยขอมเรืองอำนาจ และชม บ่อน้ำเที่ยง หรือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าไหลจากยอดเขาผ่านศิวลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ลงมาสู่ถ้ำเบื้องล่าง

           สำหรับคอประวัติศาสตร์แนวซาดิสต์เล็กน้อย ไกด์บอกให้ไปดูหินแกะสลักรูปจระเข้ เป็นก้อนหินขนาดใหญ่แกะสลักเป็นร่องลึก เชื่อกันว่าในสมัยโบราณใช้เป็นแท่นบูชายัญทั้งมนุษย์และสัตว์เพื่อสังเวย เทพเจ้า

           เช้าวันต่อมาเราปิดท้ายรายการเยือนจำปาสักด้วยรายการชอปปิ้งล้วนๆ เริ่มด้วยสินค้าของฝากของที่ระลึกพร้อมกับดูวิถีชีวิตชาวลาวที่ตลาดดาวเรือง ของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นของสด ปลา พืชผักต่างๆ ชาวลาวซื้อไปทำอาหารเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างเราจะให้ซื้อปลาเป็นตัวๆ ก็คงไม่ไหว ได้แต่สวมบทพระยาน้อยชมตลาด เดินชมบรรยากาศตลาดยามเช้าไปพอได้อารมณ์ กลับมาช้อปกันต่ออีกรอบที่ร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ณ ด่านช่องเม็ก ก่อนจะกลับมาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเดินทางกลับสู่จังหวัดอุบลราชธานี

          เคยรู้สึกแบบนี้ไหม...เวลาไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมือง ถึงจะสนุกสุขสันต์ขนาดไหน แต่ความรู้สึกบางอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือความรู้สึกในนาทีที่ได้กลับมายืนบนผืนดินไทยอีกครั้ง

          ได้เวลา "กลับบ้านเรารักรออยู่" กันเสียที

           ที่พัก-เดินทาง

           ไปอุบลฯ ถ้าไปรถยนต์ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ต่อด้วย ทางหลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้ เส้นทางกรุงเทพฯ- นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี

            รถโดยสารประจำทาง 

          จากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (ถนนกำแพงเพชร หมอชิต 2) ทุกวันสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2936-1880, 0.2936-0657, 0.2936-0667, 0.2936-2852 ที่อุบลราชธานี โทร.0-4524-1831

            รถไฟ 

          มีรถด่วนกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทุกวัน และยังมีรถธรรมดาจากนครราชสีมา- อุบลราชธานี และสุรินทร์-อุบลราชธานี อีกด้วย รายละเอียดสอบถามได้ที่หน่วยบริการเดินทาง โทร.0-2223-7010, 0-2223-7020

           เครื่องบิน 

          บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีเครื่องบินรับส่งผู้โดยสารระหว่างกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2280-0060, 0-2628-2000 หรือที่จังหวัดอุบลราชธานี โทร. 0-4531-3340-3 หรือจะบินไปลงท่าอากาศยานนานาชาติปากเซก็ได้

          จากอุบลฯ ไปจำปาสัก เริ่มต้นที่ด่านพรมแดนช่องเม็ก จากนั้นเดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 10 ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร จะถึงสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ข้ามแม่น้ำโขงไปก็จะถึงเมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาสัก การเดินทางจากพรมแดนช่องเม็กเข้าไปเมืองปากเซ สามารถใช้บริการของสถานีขนส่งลาว ที่อยู่ห่างจากด่านตรวจคนเข้าเมืองลาวระยะทาง 300 เมตร มีทั้งรถโดยสารประจำทาง รถสองแถว วันละหลายเที่ยว หรืออาจใช้บริการรถยนต์รับจ้างซึ่งเร็วกว่า

           ที่พัก ในอุบลราชธานีและจำปาสัก มีมากมายหลายระดับหลายราคา

ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.southlaostour.com

           ริมทาง

          ที่ตลาดดาวเรือง ขณะที่พี่น้องชาวลาวกำลังเลือกช้อปผักปลาไปทำอาหาร ปรากฏว่าคณะชาวไทยพาไปอออยู่ที่ร้านเครื่องเงินร้านหนึ่ง เดินตามไปดูปรากฏว่ากลุ่มหนุ่มไทยกำลังช๊อป "อาหารตา" ชื่อ "น้องกี้" เป็นสาวชาวเวียดนาม ที่มาขายเครื่องเงินอยู่ที่จำปาสักนี่เอง งานนี้เลยมีชายไทยไม่ทราบชื่อ แสดงตนเป็นเจ้าบุญทุ่ม ซื้อกำไลเงินมา 2 วง โดยมีของแถมเป็น Hi-5 ของน้องกี้

 

ที่มา   http://travel.kapook.com

โดย: มิสเตอร์ใจดี  เมื่อ: 03 ตุลาคม 2556
จำนวนผู้เข้าชม : 2,434

ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ
2. dom33

 



Mirakar@ copyright 2009 created by www.mirakar.com
ราคามือถือ ค้นหาราคามือถือ และราคาสินค้าอื่นๆ ได้ที่นี่
ที่อยู่ : 222/5 ถนนหลานหลวง แขวงคลองมหานาค ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100  อีเมล :