แม่เมย..เคยไปกันรึยัง? (สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์)
คำว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" อาจใช้ได้ไม่ถนัดนัก ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย พลอยทำให้นึกถึงอากาศหนาวๆบนยอดดอยสูงๆ แม้หลายท่านจะอยู่ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องก็คงสัมผัสได้พียงลมหนาวที่พัดผ่านเท่านั้น แต่หากใครอยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวเย็น ธรรมชาติที่ไม่ถูกปรุงแต่ง ผสมกับกลิ่นอายความอบอุ่นของชุมชนเล็กๆ เพื่อนร่วมโลกของเราที่อยู่ห่างไกล ผมขอแนะนำ อุทยานแห่งชาติแม่เมย อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก แหล่งท่องเที่ยวที่ผมเพิ่งไปสัมผัสมา
ด้วย อุทยานแห่งชาติแม่เมย มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง โดยมีเทือกเขาถนนธงชัย พาดผ่านเป็นแนวยาว เป็นภูเขาสลับซับซ้อน และมีพื้นที่ราบในหุบเขาแนวแคบ ทำให้บริเวณนี้ได้รับลมตะวันตกที่พักพาเอาความชื้นของสายฝนและลมหนาวจากประเทศพม่า ทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นและมี แม่น้ำเมย แหล่งต้นน้ำสำคัญที่แตกแขนงออกเป็นหลายสายอย่างไม่มีวันเหือดแห้ง
แม่น้ำเมย ที่ผมได้สัมผัสถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ยังเป็นสายน้ำที่สำคัญนอกจากแตกแขนงออกเป็นสาขาต่างๆเพื่อประดับความงดงามของภูเขาน้อยใหญ่ที่สลับซับซ้อน และถูกโอบล้อมด้วยหมอกควัน แต่ยังเป็นแม่น้ำที่กั้นเขตแดนระหร่างบ้านเรากับประเทศพม่าด้วยครับ
ในยามเช้า..เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการแบกกล้องตัวโปรดของผมออกไปเก็บ ความงดงามของธรรมชาติ ที่เราจะพบเจอกันได้ไม่บ่อยนัก กับความสวยงาม ของทะเลหมอก ที่ตัดผ่านภูเขาน้อยใหญ่ที่ ม่อนพูนสุดา หรือ ม่อนครูบาใส อยู่ห่างจากอุทยานฯประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ของขุนเขา และทะเลหมอก ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ทำให้นึกถึงที่นอนผื่นใหญ่ ถ้าทำได้ผมคงกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความสุขแล้วครับ แต่เท่าที่ได้เก็บภาพ มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของผมถูกเติมเต็ม
นอกจากม่านหมอกที่เราได้สัมผัสแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น ได้ในหลายจุด อย่าง ม่อนกระทิง ม่อนกิ่วลม ซึ่งเป็นจุดที่รับตะวันจุดสุดท้ายของประเทศไทย ที่มีความสวยงามจนได้รับจัดตั้งเป็น Unseen Thailand จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยจะอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 12 กิโลเมตรครับ
เสน่ห์ของที่นี่ ไม่เพียงทะเลหมอกที่สวยงาม ยังมีธรรมชาติจากสายน้ำอย่าง น้ำตกแม่ระเมิง น้ำตกสายเล็กๆ ที่สวยงาม ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 1267 อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 9 กิโลเมตร
น้ำตกชาวดอย เป็นอีกน้ำตกหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจคำว่า ยิ่งลึกยิ่งสวยงาม เพราะสิ่งที่สวยงามมักแอบซ่อนอยู่ลึกๆ เพราะน้ำตกแห่งนี้ ต้องออกแรงเดินเท้าเข้าไปตามลำห้วยอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงชั้นน้ำตกที่สูงที่สุด โดยห่างจากที่ทำการฯประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง ชั้นเดียวสูงประมาณ 40 เมตร มีความสวยงามตลอดทั้งปีเลยครับ
ถ้ำแม่อุสุ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับยกย่องเป็น Unseen Thailand ซึ่ง ถ้ำแม่อุสุ จะเปิดเฉพาะช่วงเดือนพฤษจิกายน – เมษายนของทุกปี ผมก็แอบถามเจ้าหน้าที่ถึงเสน่ห์ของถ้ำแม่อุสุ เพื่อไม่ให้ขาดความสำคัญไป ซึ่งเจ้าหน้าที่เล่าว่า ถ้ำแม่อุสุ เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีลำน้ำแม่อุสุไหลลอดผ่านเข้าไป ภายในถ้ำแบ่งเป็น 3 ห้องใหญ่ แต่ละห้องมีหินงอกห้อนย้อยเป็นรูปต่างๆ แปลกตาแตกต่างกันไป โดยเฉพาะช่วงเวลา 13.00-16.00 น. จะมีแสงตะวันสาดส่องเข้ามาเป็นลำแสง ทำให้พื้นและผนังถ้ำ เป็นสีเหลืองดุจดั่งทองสวยงามมากครับ
ช้อบปิ้ง เพื่อนบ้าน
เมื่อเราเต็มอิ่มกับธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติแม่เมยกันพอสมควรแล้ว หากไม่ไปเยี่ยมเยือนเพื่อนบ้าน อย่างพม่า ก็กระไรอยู่ครับ ผมจึงออกเดินทางโดยรถตู้พร้อมคณะสื่อมวลชน ผ่านด่านอำเภอแม่สอด ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งช้อบปิ้ง หรือสวรรค์เล็กๆ ของนักช้อปเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนที่จะไปช้อบผมของพาไปไหว้พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเมียวดี เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตก่อนนะครับ
โดย วัดเจดีย์ทอง เป็นวัดเก่าแก่และเคร่งประเพณีมากๆ เพราะ อันดับแรกต้องถอดรองเท้าก่อนครับ ซึ่งพม่า เค้ามีประเพณีปฏิบัติว่าต้องถอดรองเท้าก่อนเพื่อเป็นการเคารพสถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด เมื่ออยู่ในเขตวัดก็ต้องเดินเท้าเปล่าหรือใส่ถุงเท้า แต่รับรองว่าลานวัดของพม่าไม่สกปรก เพราะทุกแห่งจะปูกระเบื้องตลอด
วัดเจดีย์ทอง มีประวัติมานับพันๆ ปี และมีมาก่อนกรุงศรีอยุธยา และที่เมืองเมียวดีนี่แหละที่พม่าใช้เป็นเส้นทางเดินทัพ เพื่อทำสงครามในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยก่อนจังหวัดตาก และเมืองเมียวดี เป็นเส้นทางเดินทัพของทั้งไทยและพม่า ใครจะยกทัพไปตีใครก็ผ่านเส้นทางนี้ทั้งนั้น แต่ก็นั้นแหละครับ จะรื้อฟื้นไปทำไมครับ เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ให้เราได้เรียนรู้
เมื่อออกจากวัดกันแล้ว ไม่แวะร้านน้ำชาขึ้นชื่อ ก็คงไม่ได้ เพราะที่เมืองเมียวดีมีร้านน้ำชา ให้เราได้จิบคลายความเหน็บหนาวได้บ้าง พอได้ที่ก็เดินทางไปช้อปกันต่อที่ตลาดริมชายแดน ที่มีของสดและเสื้อผ้าขายอยู่รวมๆกัน แม่ค้าที่นี่ส่วนมากจะใจดีนะครับยิ้มแย้มแจ่มใสกับกล้องถ่ายรูปของผมกันทีเดียว แต่บางร้านอาจจะไม่ชอบกล้อง หรือ ผมไม่หล่อ..ก็อาจเป็นไปได้ ทำเอาผมตกใจไม่กล้าถ่าย อย่างร้านขายปลาร้านหนึ่งครับ แม่ค้ากำลังหั่นปลาอยู่ ผมก็คว้ากล้องขึ้นมาเพื่อจะเก็บลีลาของแม่ค้าท่านนั้น แต่ทันใดนั้นเมื่อผมยกกล้องขึ้นมา ภาพที่ผมเห็นคือ มีดที่ชี้มาที่กล้องผมตามมาด้วยเสียงตวาดภาษาพม่า ซึ่งผมก็ฟังไม่ออก ทำให้ผมถึงกลับอึ้งได้แต่เพียงยิ้มและเดินจากไป ก็ระวังกันหน่อยนะครับ ก่อนจะถ่ายก็ลองดูก่อนว่าแม่ค้าแต่ละคนเป็นยังไง
เอาล่ะครับ..ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งวันของผมและคณะสื่อมวลชน แต่การมาครั้งนี้ ยังไม่หมดเพียงแค่นั้นครับ เพราะการเดินทางไม่มีวันหมดนี่เอง..ทำให้ผมต้องนอนพักเอาแรงอย่างเต็มที่ ซึ่งในคืนนี้ผมและคณะจะนอนค้างคืนที่อุทยานแห่งชาติแม่เมยกันครับ...พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางต่อในหลายๆ ที่ของจังหวัดตาก เช่น เขื่อนภูมิพล แอบบอกไว้ก่อนว่าไม่ควรพลาดครับ..ราตรีสวัสดิ์ครับ...ZZ
ขอบคุณสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย http://www.thaitourism.or.th/ กับการเดินทางแสนอบอุ่น
ที่มา http://travel.kapook.com